วิจารณ์หนัง The Batman เดอะ แบทแมน
1,518
The Batman เดอะ แบทแมน ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เปิดตัวแบทแมนยุคใหม่มุมมองใหม่ เนื้อหามีการสืบสาวหาความจริงตลอด มีฉากการต่อสู้และตัวร้ายเองก็ปั่นหัวคนเก่งไม่แพ้โจ๊กเกอร์

ผู้กำกับภาพยนตร์: Matt Reeves (Cloverfield, Let Me In, Planet of the Apes ภาค Dawn และ War)
ตัวอย่างภาพยนตร์ The Batman เดอะ แบทแมน
The Batman เดอะ แบทแมน เป็นภาพยนตร์ฮีโร่มนุษย์ค้างคาวรีเมคใหม่ที่เล่าเรื่องของ ‘บรุซ เวห์น’ ที่เพิ่งเป็นแบทแมนได้ไม่กี่ปี เขาต้องพบเจอกับฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตอย่าง ‘ริดเลอร์’ ที่กำลังฆาตกรรมนักการเมืองและคนใหญ่คนโตในเมืองกอธแธมอย่างไม่หยุดหย่อน แบทแมนต้องออกไล่ล่าหาตัวริดเลอร์พร้อมกับสืบความจริงของเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลาย ซึ่งมันอาจเกี่ยวข้องกับอดีตอันเลวร้ายของตระกูลเวห์นด้วย
การเล่าเรื่องสำหรับเรื่องนี้คือดีครับ ดีสุดยอด จากใจแฟนแบทแมนที่ทั้งดูหนังและเล่นเกมแฟรนไชส์นี้มาตลอด (เล่นเกมซีรีส์ Arkham ทุกภาค 3 ภาคหลังเล่นจบหมด) เปิดตัวแบทแมนยุคใหม่ได้อย่างไฉไล เผยวิธีการทำงานของแบทแมนคนใหม่แบบที่แฟนหนังบางคนอาจไม่เคยเห็น นั่นคือการเป็น ‘นักสืบ’ แม้หนังจะยาวสามชั่วโมงก็ไม่มีจุดน่าเบื่อชวนหลับ (จากใจคนที่นอนไปแค่สี่ชั่วโมงในคืนก่อนหน้าดูหนังเรื่องนี้) เพราะมีเนื้อหาใหม่ให้เราติดตามได้อยู่เรื่อยๆ เปิดตัวละครใหม่และตัวละครเก่าในเวอร์ชั่นใหม่หลายตัวออกมาได้อย่างน่าสนใจ มีฉากต่อสู้คั่นกลางอยู่เรื่อย ทั้งแบบต่อยตีกันปกติไปจนถึงขั้นระเบิดระเบ้อไปทั่วเมือง ขณะเดียวกันตัวร้ายอย่าง ‘ริดเลอร์’ หรือมนุษย์เจ้าปัญหานั้นก็ป่วนสุดยอดไม่แพ้โจ๊กเกอร์เวอร์ชั่นไหนๆ ปั่นหัวได้ทุกคนไม่เว้นแม้แต่แบทแมน มีแผนใหม่เซอร์ไพรส์เราได้ตลอด ทำให้มีอะไรให้ติดตามและชวนลุ้นอยู่เรื่อยว่าเหตุการณ์เลวร้ายจะจบลงที่ตรงไหน นอกจากนั้นแล้วตัวหนังเองก็ยังมีคุณค่าในตัวเองแบบที่แบทแมนแทบทุกเวอร์ชั่นมี ส่วนจะเป็นข้อคิดยังไงก็ขออุบไว้ก่อนครับ ไปพิสูจน์กันเองในโรงภาพยนตร์ดีกว่าเนอะ
ส่วนเรื่องที่ใครพยายามบอกว่าหนังเรื่องนี้เหมือนได้โทนมาจากหนังสืบสวนชั้นครูอย่าง Se7en (เซเว่น เจ็ดข้อต้องฆ่า) ผมก็เห็นด้วยทุกประการครับ ทั้งโทนของหนัง ความมืดหม่น ความโหดร้ายของตัวร้ายหลักในเรื่อง แต่ผมขอบวกผมไปด้วยว่าจริงๆ หนังเหมือนจะก็อปโทนหนังทุกเรื่องของผู้กำกับขั้นเทพอย่าง ‘เดวิด ฟินเชอร์’ มาเลยครับ Zodiac ก็ใช่ The Girl with the Dragon Tattoo ก็ใช่ แม้แต่ซีรีส์ที่เค้าดูแลอย่าง Mindhunter ก็ใช่ครับ ทั้งโหด ทั้งดิบ ทั้งเถื่อน แต่ก็ยังดีหน่อยตรงที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีภาพการฆาตกรรมหรือเผยภาพเหยื่อออกมาอย่างโหดร้ายเท่าไหร่ครับ ความโหดมากสุดในเรื่องนี้ที่คุณจะได้เห็นก็แค่นิ้วคนที่ถูกตัดทิ้งและเน่าไปแล้ว แค่นั้นเลย
อันนี้อาจจะส่วนตัวนิดหน่อย แต่หากใครต้องการชมให้เต็มอรรถรสจริงๆ มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษพอประมาณ และอยากสนุกไปกับการหาคำตอบจากคำถามของมนุษย์เจ้าปัญหาด้วย ผมแนะนำอย่างหนักว่าให้ดูภาพยนตร์แบบเสียงต้นฉบับครับ เพราะว่าริดเลอร์นั้นเป็นตัวละครที่ใช้มุกเล่นคำบ่อย เล่นคำเก่ง หลอกล่อด้วยคำพูดและปริศนาตลอด แถมยังมีการเล่นมุกดาร์คโจ๊กบางมุกที่ใช้การเล่นคำด้วยนะ
การแสดงของเรื่องนี้ก็ยิ่งสุดยอดครับ ผมกล้าใช้คำว่าเพอร์เฟ็คได้เลย ไล่ไปตั้งแต่บทบาทของ ‘โรเบิร์ต แพททินสัน’ ที่รับบทแบทแมนเวอร์ชั่นใหม่ได้อย่างดี ถึงกึ๋น มีความเคร่งขรึมเพราะปูมหลังที่แสนหดหู่ แสดงได้เหมาะสมกับการเป็นแบทแมนที่ยังไม่โตขนาดนั้นด้วย ยังมีข้อผิดพลาดเรื่องวิธีการทำงานและการควบคุมอารมณ์อยู่ ถ่ายทอดความซับซ้อนและสับสนในตัวเองได้อย่างดี ขณะเดียวกันนักแสดงสมทบอย่าง ‘โซอี้ คราวิทซ์’ และ ‘โคริน ฟาร์เรล’ ก็รับบทแคทวูแมนและเพนกวินได้อย่างเข้าใจ และคนที่ผมนับให้เป็นที่สุดของการแสดงเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้น ‘พอล ดาโน’ ในบทตัวร้ายอย่างริดเลอร์เลยครับ เก่งจริง สุดจริง นำเสนอให้เห็นภาพถึงคนที่มีปัญหาทางจิตอย่างหนักได้อย่างน่ากลัว และน่าสงสารไปพร้อมกัน ทำให้คุณภาพของตัวเขาและตัวละครที่เขารับบทนั้นสามารถตีคู่กับโจ๊กเกอร์ทุกเวอร์ชั่นได้สบายเลยครับ ผมกล้าที่จะเอาไปเทียบเคียงกับการแสดงของ ‘ฮีธ เลดเจอร์’ ผู้ล่วงลับเลยด้วยซ้ำครับ เพราะการนำเสนอของเขานั้นสุดจริง
‘ริดเลอร์’ ตัวร้ายใหม่สุดหลอน ตีคู่กับโจ๊กเกอร์ได้สบาย!
การถ่ายภาพเองก็สุดยอด จากฝีมือกำกับภาพของ Greig Fraser ผู้กำกับภาพ Dune: Part One ภาพที่ได้มานั้น ตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม คุมโทนเรื่องได้เหมาะเจาะ ดูดี เข้ากับความหม่นหมองของเรื่องเล่าและตัวเมืองกอธแธม ขณะเดียวกันภาพหลายภาพยังมีความหมายในตัวเองสูง เสียดายแค่นิดหน่อยตรงที่ส่วนตัวชมภาพยนตร์แบบไอแม็กซ์ เพราะคิดไปเองว่าหนังจะมีภาพขยายแบบเต็มจอให้ (ผิดเองเต็มๆ อันนี้ไม่ได้ตามข่าวเอง ฮ่าๆ) แต่ตัวหนังไม่ได้ถ่ายสัดส่วนเต็มจอไอแม็กซ์มานะครับ ภาพมุมแคบเท่าไหร่ก็เท่านั้นเลย (สัดส่วนของภาพเรื่องนี้คือ 2.39:1) ซึ่งก็เหมาะกับโทนบีบคั้นของเนื้อเรื่องนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำสำหรับคนงบน้อย หาโรงหนังที่คุณมั่นใจว่าระบบเสียงดีชมเรื่องนี้ก็พอแล้ว หากไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ผู้รักแฟรนไชส์แบทแมนอะไรขนาดนั้น
เพลงประกอบสำหรับเรื่องนี้เองก็ช่วยคุมโทนหม่นหมองและน่ากลัวของเรื่องได้อย่างดีครับ นับว่าเป็นสิ่งที่แฟรนไชส์นี้ทำมาได้ดีตลอดเลยก็ว่าได้ ทั้งติดหู น่าจดจำ และช่วยเสริมให้เรื่องราวแต่ละส่วนนั้นเข้มข้นมากขึ้นด้วย
ลองฟังโทนเพลงของเรื่องดูครับ เพราะคุณจะได้ยินทำนองนี้ โทนนี้ทั้งเรื่อง!
โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ก็สุดยอดไม่แพ้งานด้านอื่นครับ ยิ่งใหญ่อลังการ สมกับมีรายงานว่าใช้ทุนสร้างไปกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ สามารถสร้างเมืองกอธแธมอันซอมซ่อออกมาได้อย่างเห็นภาพชัดเจน แทบทุกมุมเมืองเต็มไปด้วยความสกปรกโสมม มืดมิดและหม่นหม่อง เสื้อผ้าหน้าผมก็ยอดเยี่ยม คุมโทนเข้ากับฉาก และนำเสนอความโดดเด่นในอัตลักษณ์ของแต่ละตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหรือแม้แต่กลุ่มแก๊งค์อันธพาลรากหญ้าก็ตามที ฉากแอ็คชั่นแต่ละฉากก็ทุ่มเทจัดเต็ม ไล่ไปตั้งแต่ตีต่อยและยิงกันปกติ ยาวไปจนถึงการระเบิดรถข้างทางและเมืองทิ้ง วิชวลเอฟเฟ็คเองก็เสริมให้งานทุกอย่างที่กล่าวมาดูสมจริงขึ้น ทรงพลัง มีครบทุกอย่างที่หนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องยิ่งใหญ่ควรจะมีจริงๆ
สรุปโดยภาพรวมแล้ว The Batman เดอะ แบทแมน จึงเป็นภาพยนตร์ฮีโร่จากดีซีที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม จากใจแฟนแบทแมนที่ทั้งดูหนังและเล่นเกมแฟรนไชส์นี้มาตลอด แม้หนังจะยาวถึงสามชั่วโมงแต่ก็ไม่มีจุดน่าเบื่อ เปิดตัวแบทแมนยุคใหม่มุมมองใหม่ที่แฟนหนังอาจไม่เคยเห็น เนื้อหามีอะไรให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ มีการสืบสาวหาความจริงตลอด มีฉากการต่อสู้คั่นกลาง และตัวร้ายเองก็ปั่นหัวคนเก่งไม่แพ้โจ๊กเกอร์ ทำให้มีอะไรให้ลุ้นอยู่เรื่อย การแสดงของนักแสดงแต่ละท่านก็สุดยอด โดยเฉพาะบทแบทแมนและริดเลอร์ โปรดัคชั่นโดยภาพรวมยิ่งสุดยอด ดีงามตั้งแต่ฉากเมืองอันซอมซ่อ ห้องหับอันมืดหม่น และความทุ่มเทบ้าพลังระเบิดระเบ้อในฉากต่อสู้ เสื้อผ้าหน้าผมก็ยอดเยี่ยม คุมโทนดิบและกดดันของอัตลักษณ์ตัวละครได้เป๊ะ วิชวลเอฟเฟ็คก็ช่วยเสริมความสมจริงให้งานได้อย่างยอดเยี่ยม...ใครเป็นแฟนแบทแมน ชอบแบทแมนในมุมมองนักสืบ ชอบตัวร้ายที่ฉลาดและโดดเด่น ไม่หวั่นแม้หนังจะยาวกว่าสามชั่วโมง เชิญชมในโรงภาพยนตร์ได้เลย!
ปล.ภาพยนตร์ไม่มีฉากท้ายเครดิตที่เกี่ยวข้องกับอนาคตหนังซูเปอร์ฮีโร่ดีซี เพียงแต่ถ้าคุณรอจนเครดิตหมด คุณจะพบ “ปริศนา” บางอย่างที่มนุษย์เจ้าปัญหาฝากไว้แทนครับ (สำหรับใครที่ขี้เกียจรอ ลองเสิร์ชเอาในกูเกิ้ลก็ได้ครับ)
วิจารณ์หนัง The Batman เดอะ แบทแมน Review by Bombo Aruzo
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
ผู้กำกับเปิดเผย The Batman 2 จะมีความต่างจากหนังภาคต่อเรื่องอื่น
-
ฉากที่ถูกตัดออกจาก The Batman เดอะ แบทแมน เผยตัวร้ายที่เรารู้จักกันดีในโฉมใหม่
-
วิจารณ์หนัง The Batman เดอะ แบทแมน
-
ส่องลิสต์ดนตรีหนังยอดเยี่ยม ฝีมือ ไมเคิล จิอัคชิโน เสริมพลังให้ The Batman
-
The Batman แบทแมน
-
เดอะ แบทแมน (The Batman)ภาคล่าสุด ยกเลิกส่งหนังฉายรัสเซีย