Travel Update

:

วิธี tax refund ช้อปปิ้งในญี่ปุ่นอย่างไร ให้ปลอดภาษี

วิธี tax refund ช้อปปิ้งในญี่ปุ่นอย่างไร ให้ปลอดภาษี

เที่ยวทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม วิธีทำ tax refund ขอคืนภาษีเมื่อไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่ว่าเดินดุ่มเข้าร้านไปซื้อของแล้วจะได้ราคาปลอดภาษี แต่มีทริคเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้

     สิ่งแรกที่ต้องสังเกตเลยก็คือ ป้ายสัญลักษณ์ "Japan Tax-free Shop" “Tax Refund” หรือ “Tax-Free” ซึ่งเป็นป้ายที่หมายถึงว่า ร้านนั้นสามารถซื้อของได้แบบปลอดภาษี ที่ญี่ปุ่นนั้นนอกจากจะมีราคาสินค้าตามป้ายอยู่แล้ว ยังมีคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อีก 8% ด้วย ดังนั้นสำหรับนักท่องเที่ยว จึงได้รับการงดเว้นภาษีตรงนี้ไป ซึ่งทางญี่ปุ่นเริ่มใช้มาตรการนี้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งคนที่ขอยกเว้นภาษีได้ ก็มะมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ

- ชาวต่างชาติ ที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือน นับจากวันที่เข้ามายังประเทศญี่ปุ่น หรือก็คือนักท่องเที่ยวอย่างเรานั่นเอง

- บุคคลสัญชาติญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ และเดินทางกลับเข้าประเทศญี่ปุ่นชั่วคราวเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 6 เดือน

- บุคคลที่ถือหนังสือเดินทาง ที่มีสิทธิในการพำนักในสถานะ “นักการทูตหรือข้าราชการ” (มีสิทธิพำนักเกิน 6 เดือนหลังจากวันที่เข้ามายังประเทศญี่ปุ่น)

สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีในญี่ปุ่น

- สินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กระเป๋า, รองเท้า, เสื้อผ้า,นาฬิกา,เครื่องประดับ ฯลฯ ที่มีมูลค่ารวมในการซื้อสินค้าต่อ 1 ท่านใน 1 วัน ณ ร้านค้าเดียวกัน ตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป

- สินค้าสิ้นเปลือง หรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น อาหาร ยา เครื่องสำอาง ที่มีมูลค่ารวมในการซื้อสินค้าต่อ 1 ท่าน ใน 1 วัน ณ ร้านค้าเดียวกัน ตั้งแต่ 5,000 เยน – 5 แสนเยน (ก็คือยอดซื้อสูงสุดได้ไม่เกิน 500,000 เยนสำหรับกลุ่มนี้)

     โดยการทำ Tax Refund ต้องทำหลังจากที่ซื้อสินค้าทันที ไม่สามารถขอในวันถัดไปได้ เจ้าหน้าที่จะห่อสินค้าที่ทำ Tax Refund ให้อย่างดีเป็นพิเศษ เราไม่สามารถเปิดใช้ หรือถ้าเป็นของกินก็จะไม่สามารถเปิดกินได้ จนกว่าจะกลับประเทศไปแล้ว เผื่อกรณีที่สนามบินมีการสุ่มตรวจขึ้นมา หากไม่พบสินค้าเนื่องจากถูกใช้หรือกินไปแล้ว จะต้องเสียภาษีส่วนต่างเพิ่มเติม


วิธีการทำ tax refund

1. จ่ายเงินตามราคาสินค้าจริงโดยไม่ต้องเสียภาษี

     เมื่อซื้อสินค้าเสร็จแล้ว ให้บอกพนักงานตอนคิดเงินเลยว่าต้องการทำ Tax Refund จากนั้นก็ยื่นพาสปอร์ตของเราให้พนักงานดู รอให้พนักงานดำเนินการ เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็จะสามารถจ่ายเงินตามราคาสินค้าจริงโดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนมากจะเป็นร้านขายยา หรือร้านค้าขนาดเล็กทั่วไป

2. ชำระเงินค่าสินค้าก่อน แล้วค่อยไปขอคืนภาษี

     หลังจากซื้อสินค้าและชำระเงินเรียบร้อย (ค่าสินค้ารวมค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% แล้ว) อย่าลืมแจ้งว่าต้องการทำ Tax Refund ด้วย เสร็จแล้วนำใบเสร็จ และสินค้าที่ซื้อมา พร้อมกับพาสปอร์ตของเราไปยื่นที่เคาน์เตอร์ซึ่งจัดโซนแยกไว้สำหรับทำ Tax Refund โดยเฉพาะ (มักเขียนไว้ว่า Tax Free Counter) เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการให้โดยคืนเงินส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ให้ วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าขนาดใหญ่ เพื่อลดความแออัดของบริเวณหน้าเคาท์เตอร์จ่ายเงินนั่นเอง

ข้อควรรู้อื่นๆ

- แนะนำให้ติดใบ "ใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก" ที่ได้จากร้านค้า ไว้กับพาสปอร์ต ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สนามบินมาตรวจพาสปอร์ต และสินค้าที่ซื้อมา แล้วดึงใบนี้เก็บไปในตอนที่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น ฉะนั้นห้ามดึงออกก่อนขึ้นเครื่องบินกลับบ้านเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะโดนปรับเอาได้

- หลังจากที่ทำเรื่องขอคืนภาษีแล้ว แต่อยากเอาของมาใช้ในช่วงที่ยังอยู่ญี่ปุ่น ถ้าเป็นสินค้าทั่วไป สามารถใช้ได้เลย แต่ถ้าเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคห้ามใช้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นการขอภาษีคืนจะเป็นโมฆะ

- เนื่องจากศุลกากรของญี่ปุ่นอยู่ถัดจากเคาน์เตอร์เช็คสัมภาระ ฉะนั้น โดยทั่วไปแล้วจะต้องนำของที่ทำการขอคืนภาษีแล้วติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย เพื่อที่ศุลกากรจะสามารถเช็คของได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่ม หรือเครื่องสำอางที่เป็นของเหลว ให้ใส่กระเป๋าโหลดใต้เครื่องได้ แต่ให้แจ้งตอนที่ผ่านศุลกากรว่าได้ทำการใส่สิ่งของเหล่านั้นไว้ที่กระเป๋าโหลดใต้เครื่อง

- ของที่ถูกยกเว้นภาษีไม่สามารถส่งต่อให้กับบุคคลที่สามได้ ผู้ที่ถือกลับจะต้องเป็นผู้ที่ซื้อเท่านั้น


บทความที่เกี่ยวข้อง

กลับขึ้นด้านบน

Thaiza update: