ออสเตรเลียเผยผลวิจัย แทบไม่มีสถานที่ในโลกปลอดมลพิษทางอากาศ
16 มีนาคม 2566
358
358
มหาวิทยาลัยโมนาชของออสเตรเลีย เผยผลการศึกษาด้านมลพิษทางอากาศโดยพบว่าตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
New Delhi / Photograph: Jewel Samad/AFP/Getty Images
ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาตินำโดยมหาวิทยาลัยโมนาชของออสเตรเลีย เผยผลการศึกษาด้านมลพิษทางอากาศที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก โดยพบว่าตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา มีประชากรโลกเพียง 0.001% ได้รับอากาศบริสุทธิ์ที่มีมลพิษในระดับต่ำ ทำให้ปัจจุบันแทบจะไม่มีสถานที่แห่งใดในโลกปลอดจากหมอกควันและฝุ่นพิษอีกแล้ว
ผลวิจัยดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet Planetary Health ระบุว่าข้อมูลระหว่างปี 2000 - 2019 ชี้ว่าคุณภาพอากาศทั่วโลกมีแนวโน้มย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2019 เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกมีจำนวนวันที่ค่ามลพิษรวมทั้งฝุ่นละเอียด PM 2.5 สูงเกินมาตรฐานบ่อยถึง 70% หรือเกือบตลอดทั้งปี
ทั่วทุกภูมิภาคของโลกยังมีค่าเฉลี่ยความหนาแน่นของฝุ่นพิษดังกล่าวถึง 32.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ถึงสองเท่า
มีการติดตามเก็บข้อมูลจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ 5,446 แห่ง ใน 65 ประเทศ ตลอดระยะเวลาร่วม 20 ปี ทำให้พบว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกมีสภาพการณ์ด้านมลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก โดยมีค่าเฉลี่ยความหนาแน่นของฝุ่นพิษ PM 2.5 สูงถึง 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในแต่ละปี รองลงมาคือภูมิภาคเอเชียใต้ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ PM 2.5 อยู่ที่ 37.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนอันดับสามคือภูมิภาคแอฟริกาเหนือที่ 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนของโลกที่ปริมาณของฝุ่นพิษยังคงไม่สูงมากนัก โดยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีค่าเฉลี่ยของ PM 2.5 ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเพียง 8.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมาด้วยภูมิภาคโอเชียเนียและอเมริกาใต้ที่ 12.6 และ 15.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามลำดับ
ที่มา BBC Thai
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
ออสเตรเลียเผยผลวิจัย แทบไม่มีสถานที่ในโลกปลอดมลพิษทางอากาศ
-
จุดความร้อนในไทยยังสูง สั่งงดเผาทุกกรณี ถึง 30 เม.ย.
-
อินเดียเผยค่ามลพิษในเมืองเดลี สูงสุดของประเทศ
-
WHO เตือนประชากรโลกกำลังเผชิญมลพิษทางอากาศ ขั้นรุนแรง
-
งานวิจัยระบุ มลพิษทางอากาศ อาจส่งผลเสียต่ออสุจิ
-
7 เขต กทม.เตรียมรับมือ ฝุ่น PM 2.5 มาแน่ 5 - 7 ธ.ค.นี้