ควรกังวลแค่ไหน กับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5
474
นับตั้งแต่เชื้อโควิด-19 อุบัติขึ้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า "การกลายพันธุ์" เกิดขึ้นหลายครั้ง
Getty Images
นับตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด-19 อุบัติขึ้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า "การกลายพันธุ์" เกิดขึ้นหลายครั้ง และมีเชื้อกลายพันธุ์สำคัญที่สร้างปัญหาทางสาธารณสุขของโลก เช่น สายพันธุ์อัลฟา และเดลตา
สำหรับเชื้อ BA.4 และ BA.5 นั้น มีความใกล้ชิดอย่างมากกับเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนที่ทำให้เกิดการระบาดระลอกใหญ่ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้ BA.4 และ BA.5 อยู่ในกลุ่มเชื้อที่ต้องเฝ้าระวังเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และยังถูกจัดให้เป็นเชื้อสายพันธุ์ที่น่ากังวลในยุโรปด้วย
โดยสำหรับเชื้อ BA.4 และ BA.5 นั้น มีการตรวจพบการในแอฟริกาใต้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าเชื้อทั้งสองชนิดจะแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ
ซึ่งปัจจุบันพบ BA.4 และ BA.5 ระบาดในแทบทุกประเทศของยุโรป และกำลังจะกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในแถบนี้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นแล้วในโปรตุเกส ซึ่งเชื้อ BA.5 ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดที่นั่น
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ยอดผู้ติดโควิดสายพันธุ์ย่อยทั้งสองชนิดกำลังเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรที่เริ่มมีแนวโน้มเดียวกัน ขณะที่ออสเตรเลียก็พบผู้ติดเชื้อทั้งสองชนิดเช่นกัน
อันตรายแค่ไหน
ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบแน่ชัดว่า BA.4 และ BA.5 จะส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ มากน้อยเพียงใด แต่เชื่อกันว่า เชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยทั้งสองชนิดไม่ได้มีอันตรายมากกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ
นอกจากนี้ ผู้คนจำนวนมากยังมีภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดจากการติดโควิดมาแล้ว หรือจากการฉีดวัคซีนต้านโควิด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้โรคนี้มีอันตรายน้อยลงโดยรวม
แต่ดูเหมือนว่า BA.4 และ BA.5 จะสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น นี่อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันที่ผู้คนมีในร่างกายเริ่มลดลง หรืออาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ ขณะเดียวกัน การที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิดแล้ว ก็ทำให้เชื้อไวรัสชนิดนี้มีโอกาสที่จะแพร่ระบาดได้มากขึ้น
BA.4 และ BA.5 ยังทำให้คนที่เพิ่งติดเชื้อโอมิครอนชนิดอื่นติดเชื้อซ้ำได้อีก และการระบาดระลอกใหม่อาจทำให้มีผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาล หรือมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนการป้องกันนั้น ก็เช่นเดียวกับโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง คือกลุ่มเสี่ยงที่สุดที่จะล้มป่วยหนักจากการติดเชื้อ BA.4 และ BA.5
แม้วัคซีนต้านโควิดที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่ใช่สูตรที่พัฒนาขึ้นเพื่อต่อต้าน BA.4 และ BA.5 โดยเฉพาะ แต่ก็ยังเป็นเครื่องมือดีที่สุดในการต่อสู้กับเชื้อทั้งสองชนิด
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาและทดสอบวัคซีนชนิดใหม่สำหรับต้านเชื้อ BA.4 และ BA.5 และบริษัทต่าง ๆ สามารถเร่งการผลิตได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐก็มีการหารือถึงการเร่งกระบวนการอนุมัติใช้วัคซีนชนิดนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา BBC Thai
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
ควรกังวลแค่ไหน กับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5
-
เกาหลีเหนือ พบคนเป็นไข้ เพิ่ม 2.69 แสน ยอดรวมแตะ 1.48 ล้าน
-
นักวิทย์มะกันเตือน ไวรัสซิกาเสี่ยงกลายพันธุ์จนอาจกลับมาระบาดได้อีก
-
WHO เผยยอดป่วยโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุ 500 ล้านรายแล้ว
-
หมอมนูญเผยอาการโอมิครอน ส่วนใหญ่ไม่หนัก กินยารักษาตามอาการหายได้ใน 5 วัน
-
รพ.ยันฮี แจกฟ้าทะลายโจร ฟรี 5 แสนเม็ด สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน