รักต้องรอด ปลอดปัจจัยเสี่ยง

    เราเพิ่งผ่านพ้นบรรยากาศของวันแห่งความรักกันไปไม่นาน ซึ่งหากพูดถึงวันแห่งความรัก หลายคนคงนึกถึงช่วงเวลาและบรรยากาศอันอบอุ่น โรแมนติก ที่อบอวลไปด้วยการแสดงความรักซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือการมอบของขวัญแทนใจในโอกาสพิเศษ ทั้งในรูปแบบของคนรัก คนในครอบครัว รวมถึงญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงที่รักใคร่สนิทสนมกัน แต่ความรักนั้น ไม่ได้มีเพียงด้านที่หวานซึ้งตรึงใจเท่านั้น การประคับประคองความสัมพันธ์ และใช้ชีวิตร่วมกันของคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปนั้น ย่อมมีวันที่ไม่เข้าใจกัน มีอุปสรรค และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหมือนบททดสอบสำคัญที่จะเข้ามาช่วยพิสูจน์ความรัก ความมั่นคงที่จะต้องก้าวข้ามผ่านไปด้วยกันให้ได้

     ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันแห่งความรัก “วันวาเลนไทน์ 2022” ตอน “รักต้องรอด” โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญของคู่ชีวิต สร้างค่านิยมเชิงบวกในการลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด และใช้โอกาสนี้รณรงค์มอบความรัก สร้างความปลอดภัยให้กับคนข้ามทางม้าลายด้วย

    วาเลนไทน์ เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมักจะนึกถึงความรักที่แวดล้อมอยู่รอบตัวเรา ซึ่งความรักก็มีหลากหลายมิติ สำหรับในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงนี้ เราก็มีความห่วงใยคนที่เรารัก และผู้คนที่อยู่รอบตัวเพิ่มขึ้น เรายังคงต้องย้ำอยู่เสมอในเรื่องของการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ กิจกรรมวันนี้ “รักต้องรอด” นอกจากจะตอกย้ำในเรื่องความปลอดภัยจากโควิด-19 แล้ว เราอยากให้รอดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ด้วย ที่ผ่านมาเราได้ยินข่าวสารที่ทำให้เกิดความสะเทือนใจในหลายเรื่อง อย่างกรณีการที่คนข้ามถนนบนทางม้าลายแล้วถูกรถชนจนเป็นกรณีสะเทือนขวัญ เชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เราต้องช่วยกันดูแล พยายามลดจำนวนการสูญเสีย ร่วมกันหยุดรถตรงทางม้าลาย เพื่อความปลอดภัยของคนข้ามถนน

    “ข้อมูลจากกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ปี 2560-2564 พบว่า มีกลุ่มคนเดินถนนถูกรถชนเสียชีวิต ประมาณ 5% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่ง คือ คนข้ามทางม้าลาย หรือประมาณมากกว่า 200 คนต่อปี และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุด เราหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยย้ำเตือน สร้างความตระหนัก เพิ่มสถิติให้คนขับรถ หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลายได้มากกว่า 50% หรือกลายเป็น 100% ในที่สุด นอกจากนี้ ในเดือนแห่งความรัก หลายคนอาจมีการเฉลิมฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งความปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่ควรจะคำนึงถึงตลอดเวลา เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้มีผลกระทบต่อสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการดื่มแล้วขับเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจมีการทะเลาะวิวาท การใช้ความรุนแรงในครอบครัว รวมไปถึงปัญหาอาชญากรรมตามมาได้ ดังนั้น มาร่วมใจกันสร้างค่านิยมใหม่ เฉลิมฉลองวันแห่งความรักกับคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ขอให้ใช้ความรัก ใช้ใจ ใช้ความปลอดภัยเป็นสำคัญ”

     ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบให้วิถีชีวิตและการใช้เวลาร่วมกันของคนรัก คนในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไป บางคู่อาจต้องอยู่คนละที่ ไม่ค่อยได้มาเจอ หรือใช้เวลาร่วมกัน หรือบางคู่อาจต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านร่วมกันมากขึ้น จนทำให้รู้สึกอึดอัด หรือขาดความเป็นส่วนตัว ความไม่เข้าใจกันย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าในช่วงเวลาปกติ ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดูไม่ค่อยเป็นใจ แต่เราก็ยังสามารถเติมเต็มความรักให้แก่กันและกันได้เสมอ วันนี้ เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ ด้วย 6 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยดูแลความรัก ความสัมพันธ์ของคุณในช่วงโควิด-19

    1. พูดชื่นชมพฤติกรรม และความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้น
    2. มองย้อนกลับไปถึงวันแรกที่รักกัน
    3. หมั่นเติมพลังบวกให้ตัวเองและคนรัก
    4. มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
    5. เปลี่ยนวิธีการตั้งคำถามว่าทำไม ให้เป็นคำถามที่ชวนฟัง
    6. ปรับความคิดให้ตรงกัน เพื่อเข้าใจกันมากขึ้น

     นางสาวเมลินญาน์ ศิวธนัยภัสร์ หรือ ครูจูน ผู้เคยป่วยหนักจนเดินไม่ได้ กล่าวว่า ตนคบหากับแฟนมานาน หลังเรียนจบ ทำงานหนัก ทั้งทำขนม และสอนศิลปะ ไม่ค่อยได้พักผ่อน จนร่างกายเริ่มไม่ไหว จนกระทั่งเดินไม่ได้ ถึงยอมไปพบแพทย์ พบว่า เซลล์ภูมิอักเสบ คล้ายกับโรครูมาตอยด์ เป็นผลมาจากการใช้ร่างกายหนักไม่ได้พักผ่อน ใช้เวลารักษาอยู่ 4 เดือน โดยมีแฟนคอยดูแลตลอด พอหายจึงแต่งงานกัน แต่หลังจากนั้น แฟนก็ไปทำงานต่างจังหวัดตลอด และมีเรื่องโดนคดีความ ทำให้ต้องห่างกัน และมีปากเสียงกันขณะเกิดปัญหา นับเป็นมรสุมที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

    "หลังแฟนออกจากคุกได้มีการปรับความเข้าใจกัน ได้มองเห็นว่าการพูดจาที่บางครั้งหลงลืมนึกถึงจิตใจอีกฝ่าย จึงปรับเข้าหากัน ช่วยกันแก้ปัญหาไม่โทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย ดังนั้น อยากฝากทุกคนที่ยังมีโอกาสได้อยู่กับคนที่เรารักว่า ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ขอให้มัดระวังคำพูด พยายามให้อภัย เมื่ออีกฝ่ายทำผิดพลาด และสำคัญที่สุด คือ การให้กำลังใจกัน ประคับประคองกัน แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้"

    นายจะเด็จ เชาว์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ความรักไม่ใช่เรื่องโรแมนติก ไม่ใช่เรื่องของดอกไม้ แต่เป็นเรื่องของรากไม้ ที่ต้องมีความเข้าใจ หยั่งลึก และเติบโตแข็งแรงไปด้วยกัน แม้ดอกไม้ร่วงหล่นไป ต้นไม้ก็จะยังคงอยู่ เราจะเห็นว่าความรักของคนสมัยนี้ ไม่ค่อยยั่งยืน เพราะไม่ค่อยสนใจเรื่องรายละเอียด ถ้าเขารู้สึกว่ามันไปด้วยกันต่อไม่ได้ ก็เลือกที่จะแยกทางกันไปเลย เราต้องเข้าใจว่า ความรักเป็นเรื่องที่ต้องลงลึกพอสมควร หากไม่เจอความยากลำบาก ก็จะไม่ได้เรียนรู้กัน ใครที่จะมีครอบครัวในอนาคต จะต้องดูความเป็นจริงในสังคม ไม่มองแต่ภาพสวยงาม นอกจากนี้ โจทย์สำคัญที่เราต้องคิด คือ ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่จะต้องปรับเปลี่ยน เพื่อรองรับคนที่ประสบปัญหา ไม่อย่างนั้น “ครอบครัว” ซึ่งเป็นปัจเจกเล็ก ๆ ก็อาจจะประคับประคองไปด้วยกันได้ไม่รอด

    การประคับประคองความสัมพันธ์ของคนรัก หรือคนในครอบครัวให้อยู่ด้วยกันได้อย่างมั่นคงนั้น จะต้องมีความรัก ความเข้าใจ ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน พร้อมที่จะจับมือกันก้าวผ่านปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเป็นบททดสอบชีวิต แต่หากเรามีโครงสร้างทางสังคมที่ดี ในการช่วยรองรับและแบ่งเบาปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาเหยื่อจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ หรือปัญหาค่านิยมชายเป็นใหญ่ เป็นต้น ก็จะเหมือนกับการที่เราทุกคนได้ข้ามทางม้าลายอย่างอุ่นใจ และมั่นใจได้ว่า “ทางม้าลาย” ควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย สำหรับผู้ใช้ถนนทุกคน

    ในเดือนแห่งความรักนี้ สสส. ขอให้ทุกความรัก ความสัมพันธ์ เติบโต งดงาม เป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก อย่างมั่นคง และแข็งแรง ด้วยการดูแลซึ่งกันและกัน จับมือกันก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาเสพติด รวมทั้งอบายมุขอื่น ๆ เพื่อตัวของคุณเองและคนที่คุณรัก ให้การเฉลิมฉลองความรักครั้งนี้ เป็นไปอย่างปลอดภัย ห่างไกลจากทุกปัจจัยเสี่ยง
สสส.