เตือนประชาชนระวังภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
1,768
เตือนประชาชนระวังภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบ บีและซี
เตือนประชาชนระวังภัยเงียบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบ บีและซี ที่เป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย ซึ่งสามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้ และเป็นสาเหตุนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
กรณีที่มีดารานักแสดงเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งมีผลมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ นั้น กรมควบคุมโรค ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ว่า ไวรัสตับอักเสบ สามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ผู้อื่นได้ และเป็นสาเหตุนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ โดยมี 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และอี โดยไวรัสตับอักเสบที่เป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ บีและซี
โดยสามารถแบ่งอาการออกเป็น 2 ระยะ คือ โรคตับอักเสบเฉียบพลัน และโรคตับอักเสบเรื้อรัง โดยอาการของโรคตับอักเสบเฉียบพลัน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง มีไข้ ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา เซลล์ตับถูกทำลาย ซึ่งผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบ บี มีเพียงร้อยละ 5-10 ที่มีโอกาสเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ส่วนโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง จะมีอาการนานเกินกว่า 6 เดือน โดยแบ่งได้อีกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1) ชนิดตับอักเสบเรื้อรังไม่รุนแรง (Chronic Persistent) แบบค่อยเป็นค่อยไป 2)ชนิดตับอักเสบเรื้อรังแบบรุนแรง (Chronic Active Hepatitis) เป็นอาการอักเสบที่เกิดจากตับถูกทำลายไปมากและเกิดอาการตับแข็ง ในผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักไม่มีอาการเกิดขึ้น แต่เชื้อไวรัสจะทำลายตับไปเรื่อยๆ จนเกิดอาการตับแข็ง และท้ายสุดก็จะกลายเป็นมะเร็งตับ
สถานการณ์โรคไวรัสตับอักเสบในประเทศไทย พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีเรื้อรัง ประมาณ 2.2–3 ล้านคน มีอัตราความชุกประมาณร้อยละ 4–5 ของประชาชนที่เกิดก่อนปี พ.ศ.2535 ทำให้ปัจจุบันพบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีเรื้อรัง ในประชากรที่อายุ 30 ปีขึ้นไปเป็นส่วนมาก ส่วนประชาชนที่เกิดหลังปี พ.ศ.2535 ได้มีการบรรจุวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ในแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนของประเทศ ทำให้พบอัตราความชุกที่ลดลง ร้อยละ 0.6 ดังนั้น กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี คือกลุ่มประชากรที่เกิดก่อนปีพ.ศ. 2535 ซึ่งต้องมาตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบบี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป ส่วนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณ 7.5 แสนคน พบมากในผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด
สำหรับไวรัสตับอักเสบ ซี ไม่สามารถพยากรณ์โรคได้ว่าจะเป็นแบบไวรัสตับอักเสบ บี เนื่องจาก หลังการติดเชื้ออาจเกิดมะเร็งตับ โดยไม่ต้องมีภาวะตับแข็งก่อนได้ และการรักษาโดยใช้ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี ที่ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ สามารถรักษาให้หายได้ เพียงรับประทานยาต่อเนื่อง 4 เดือน
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสมาคมตับแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ และมีการผลักดันในเชิงนโยบาย เพื่อให้ทุกกลุ่มประชากรได้รับสิทธิประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคม 2563 นี้ จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบ บีและซี ได้ฟรี ณ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่เข้าร่วมโครงการ ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
กรมควบคุมโรค
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
มะเร็งตับและท่อน้ำดี ภัยเงียบที่คนไทยต้องระวัง
มะเร็งตับและท่อน้ำดี ภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทย พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในประเทศไทย&nb...
-
โรคไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร
โรคไวรัสตับอักเสบบี คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดบี สามารถติดต่อทางเลือด น้ำเชื้อ และสารคัดห...
-
เร่งสร้างความรู้เรื่อง 'โรคไวรัสตับอักเสบบี' ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เร่งสร้างความรอบรู้เรื่อง “โรคไวรัสตับอักเสบบี” ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม หวังยุติภายใน 9...
-
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดเสี่ยงมะเร็งตับ
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มะเร็งตับ ก็ยังนับเป็นภัยที่คร่าชีวิตคนไทย...
-
อะฟลาท็อกซิน ในอาหารแห้งเป็นสารก่อมะเร็งตับ
ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง “อะฟลาท็อกซิน ในอาหารแห้งเป็นสารก่อมะเร็ง...
-
มะเร็งตับพบมากเป็นอันดับ 1 ของคนไทย
มะเร็งตับ พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งที่พบทั้งหมดในคนไทย ...