ลดน้ำหนัก แต่งหน้า เคล็ดลับแต่งหน้า เทรนด์แฟชั่น

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินให้ปลอดภัย

ยาคุมฉุกเฉิน

    ยาคุมฉุกเฉินใช้สำหรับกรณีจำเป็นที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ใช่ยาสำหรับทำแท้งและไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ทั้งนี้ อาจพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้ โดยส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อย แต่ควรปรึกษาแพทย์ หากพบอาการผิดปกติ

    เทศกาลวันแห่งความรัก (14 กุมภาพันธ์) คนส่วนใหญ่มักแสดงความรักแก่กัน ซึ่งมีคู่รักหลายคู่ที่อาจมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน และจำเป็นต้องใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงแนะผู้ใช้ยาทำความเข้าใจ ซึ่งปัจจุบันมีทางเลือกของการคุมกำเนิดที่หลากลาย โดยมีข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การทำหมัน การใส่ห่วงอนามัย และการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยมียาเม็ดคุมกำเนิดที่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำแบบรายเดือนและยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นเท่านั้น


   ยาคุมฉุกเฉินเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีส่วนประกอบของโปรเจสโตเจนปริมาณสูง มี 2 ขนาด คือ 0.75 มิลลิกรัม/เม็ด และ 1.5 มิลลิกรัม/เม็ด ซึ่งสามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ

    แบบที่หนึ่ง กินยาขนาด 0.75 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงต่อมา

    แบบที่สอง กินยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรืออย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง

    โดยการใช้ทั้งสองแบบให้ผลไม่ต่างกัน ทั้งนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจพบอาการข้างเคียงได้ ซึ่งส่วนใหญ่มีความรุนแรงน้อย เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดท้องน้อย และความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมายาวนานขึ้น แต่หากพบอาการผิดปกติ หรือสงสัยภาวะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์

    การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกหนึ่งในการคุมกำเนิดที่ใช้สำหรับกรณีจำเป็น โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรายเดือน อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา


บทความที่เกี่ยวข้อง

กลับขึ้นด้านบน

Thaiza update: