ส่งเสริมบุตรหลานออกกำลังกาย เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
1,058
แนะพ่อแม่ผู้ปกครอง ชักชวนบุตรหลานออกกำลังกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อตามช่วงวัยให้แข็งแรง
แนะพ่อแม่ผู้ปกครอง ชักชวนบุตรหลานออกกำลังกาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อตามช่วงวัยให้แข็งแรง เป็นเกราะภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บ
การส่งเสริมหรือปลูกฝังให้เด็กๆ หันมาออกกำลังกาย และสอนให้เด็กออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยจะส่งผลให้เด็กเจริญเติบโต มีทักษะและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ไม่หมกหมุ่นกับการดูโทรศัพท์ หรือเล่นเกมส์มากเกินไป ธรรมชาติของวัยเด็กเป็นวัยที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย และมีความอยากรู้อยากเห็นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆรอบตัว ปัจจุบันมีโทคโนโลยีใหม่ๆ มาดึงเวลาของเด็กๆไป ทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย และขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม เลยทำให้การเจริญเติบโตผิดปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพไม่แข็งแรงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ
การส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายนั้น ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องสำหรับการออกกำลังกายในแต่ละช่วงวัย ก่อนออกกำลังกายจะต้องมีการวอร์มร่างกายให้พร้อมทุกครั้ง (Warm up) และเมื่อออกกำลังกายเรียบร้อยร้อยก็จะต้องมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายทุกครั้งเช่นกัน (Cool down) เพื่อลดการบาดเจ็บ หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ ยกตัวอย่างเช่น การยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวก่อนการวิ่ง ขณะวิ่งต้องมีการงอสะโพก งอขา เหยียดสะโพก กระดกข้อเท้า ดังนั้นการวอร์มอัพแบบเคลื่อนไหว คือ การเตะลม โดยให้เข่าเหยียด เตะลมไปให้ขาแกว่งไกลที่สุด หรือขาแกว่งให้สูงที่สุด จะสังเกตได้จากความรู้สึกถึงอุณหภูมิในกล้ามเนื้อและร่างกายที่เริ่มสูงขึ้น โดยการเอามือสัมผัสไปที่กล้ามเนื้อเหล่านั้นจนรู้สึกถึงความอุ่นที่เกิดขึ้น ซึ่งการวอร์มอัพเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อไม่ถูกยืดออกมากเกินไปและยังสามารถสร้างแรงรองรับการออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม
ส่วนการ Cool down ที่เพียงพอจะช่วยลดโอกาสหน้ามืด หรือภาวะความดันโลหิตต่ำลงหลังออกกำลังกาย ซึ่งเกิดเนื่องจากขณะออกกำลังกายนั้นร่างกายจะมีอุณภูมิสูงขึ้น การไหลของเลือดจะไปอยู่ที่บริเวณเส้นเลือดส่วนปลาย หรือบริเวณเท้ากับขาค่อนข้างมาก ทำให้เลือดที่ไหลกลับมายังหัวใจมีปริมาณลดลง นำไปสู่อาการหน้ามืด ดังนั้น จึงค่อยๆ ลดระดับความหนักของการออกกำลังกายลงช้าๆ 5-10 นาที จนกระทั่งอุณภูมิของเซลล์กล้ามเนื้อ ค่อยๆ ลดลง
สำหรับการออกกำลังกายในเด็กสามารถแบ่งตามช่วงวัยได้ดังนี้
เด็กปฐมวัย อายุ 2-6 ขวบ ควรให้ออกกำลังกาย ในรูปแบบ การละเล่น เช่น วิ่งเล่น ปั่นจักรยาน หรือกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อเพิ่มทักษะในด้าน IQ และ EQ
เด็กวัยประถม อายุ 7-12 ขวบ ควรให้ออกกำลังกาย ในรูปแบบของกีฬาที่มีแรงกระแทกเพื่อเพิ่มความแข็งและความยืดหยุ่นให้แก่กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ เช่น ฟุตบอล กระโดดเชือก ว่ายน้ำ
เด็กวัยรุ่น อายุ 13-18 ขวบ ควรให้ออกกำลังกาย ในรูปแบบกีฬาหรือกิจกรรมเป็นทีม บาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล เป็นต้น ที่มีกฎกติกาเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาทักษะ ร่างกายและจิตใจ
ที่สำคัญที่สุดควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไประหว่างวัน สำหรับการออกกำลังกายในเด็กป่วยควรอยู่ในความดูแลและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กรมการแพทย์
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
วิธีลดอ้วนช่วงเด็กปิดเทอม คุมเข้มอาหารปรับพฤติกรรมสุขภาพ
วิธีลดอ้วนสำหรับเด็กช่วงปิดเทอม แนะนำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรใส่ใจเลือกอาหาร ที่ถูกหลักโภชนาการ...
-
ปิดเทอมปลอดภัย...ไม่อยากให้เด็กไทยจมน้ำ
ปี 2555-2564 พบคนไทยจมน้ำเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 35,915 คน หรือ เฉลี่ยวันละ 10 คน...
-
ท่าออกกำลังกายเพื่อกระชับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและสะโพก
เพื่อให้เกิดผลทั้งการลดไขมัน กระชับ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ ควรปฏิบัติคู่กับการออกกำลัง...
-
เด็กไทยอ้วน เปิดอาหารชูสุขภาพ เสริมออกกำลังกายป้องกัน
เด็กไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน ติด 1 ใน 3 ของอาเซียน ซึ่งเด็กไทยอายุ 0-5 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน...
-
ชวนออกกำลังกายต้านโรค ส่งเสริมสุขภาพกายใจแข็งแรง
ชวนมอบความรักให้ครอบครัว เพื่อน คนรัก ออกกำลังกายที่ชอบ ส่งผลให้จิตใจแจ่มใสอารมณ์ดี และสุขภาพท...
-
เลือกที่นั่งนิรภัย (คาร์ซีท) เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก
คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัย (คาร์ซีท) สำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเ...